ความดันโลหิตสูง

ดูแลตัวเองแต่เนิ่น ๆ หากไม่ต้องการเป็นโรคเรื้อรังเมื่อเข้าสู่วัยชรา

โพสเมื่อ : 23 June 2014 | No Comments

ดูแลตัวเองแต่เนิ่น ๆ หากไม่ต้องการเป็นโรคเรื้อรังเมื่อเข้าสู่วัยชรา การรักษาตัวเองให้เป็นผู้ห่างไกลโรคอยู่เสมอนั้นเป็นพรอันยิ่งใหญ่ที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา เพราะหากเจ็บป่วยด้วยแม้เพียงโรคโดยเดียว อาจทำให้เสียทั้งเวลาและเงินทองไปกับการรักษามากมาย ยิ่งหากเป็นผู้สูงวัยด้วยแล้ว บางรายต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด ในขณะที่บางคนก็ต้องทำงานตลอดชีวิตเพื่อมารักษาโรคอีก แม้ว่าประชาชนจะมีสิทธิในการรับการรักษาพยาบาลได้ก็ตาม ก็ยังคงต้องหาเงินเพื่อมารักษาและดูแลตัวเองมากกว่าคนที่แข็งแรงอยู่ดี ดังนั้นเราจึงควรเตรียมสุขภาพเราไว้ให้ดีแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่เมื่อเราเข้าสู่วัยชราแล้วจะไม่ต้องเป็นโรคเรื้อรังให้เป็นภาระทั้งตัวเองและลูกหลานด้วย โดยทั่วไปนั้นเมื่ออายุเข้าเลขสามแล้ว ตลอดทั่วร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรมลงไปเรื่อย ๆ ทำให้เป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคทางสมอง กระดูกพรุน โรคสายตา ฯลฯ ดังนั้นก่อนที่ร่างกายจะเสื่อมถอยลงไปจนเกิดโรคควรดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ค่ะ

ลองสังเกตดูว่า….ผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมหรือเปล่า?

โพสเมื่อ : 23 June 2014 | No Comments

ลองสังเกตดูว่า….ผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมหรือเปล่า? โดยทั่วไปผู้ที่มีวัยเข้าสู่วัยชราแล้วมักจะมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ เล็กน้อยบ้างไปตามวัย บางทีก็แค่ลืมของว่าวางไว้ไหน แต่หากเป็นการลืมที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างการลืมทางกลับบ้าน หรือเอาเตารีดไปใส่ไว้ในตู้เย็น อะไรแบบนี้อาจเป็นไปได้ว่าผู้ชราท่านนั้นอาจมีอาการของโรคสมองเสื่อมแล้ว วันนี้จึงขอเอาข้อสังเกตของการเป็นโรคสมองเสื่อมมาฝากกันค่ะ ภาวะสมองเสื่อม คือความเสื่อมของสมองโดยรวมทั้งหมด ทำให้เกิดความบกพร่องในการประกอบกิจวัตรประจำวัน เปลี่ยนแปลงทั้งพฤติกรรมและบุคลิกภาพอย่างชัดเจน มักพบได้ในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป แต่หากมีอายุถึง 85 ปีก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมได้ถึงร้อยละ 20 เลยทีเดียว ส่วนใหญ่พบได้ในผู้ที่เป็นโรคสมอง หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง คนที่เคยได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง โดยอาการที่จะบ่งชี้ว่าผู้สูงอายุท่านนั้นมีภาวะสมองเสื่อมหรือไม่ก็ให้สังเกตดังนี้ค่ะ

ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ

โพสเมื่อ : 23 June 2014 | No Comments

ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ ระยะนี้คนไทยเราเริ่มหันมาสนใจการออกกำลังกายดูแลสุขภาพ และดูแลอาหารการกินกันมากขึ้นแล้วนะคะ การจะมีสุขภาพที่ดีได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาในการพัฒนาร่างกายขึ้นด้วยเช่นกัน ดังเช่นกันเล่นกีฬาก็จำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ให้กระทำอย่างสม่ำเสมอด้วยกระบวนการที่เหมาะสม จะทำให้ร่างกายเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างมั่นคงนั่นเอง ผู้ที่เพิ่งหันมาออกกำลังกายใหม่ ๆ นั้น ควรเลือกออกกำลังกายในระดับเบาก่อน ยังไม่ควรหักโหมไปวิ่งทันที ควรเริ่มด้วยการเดินเบา ๆ หรือปั่นจักรยานช้า ๆ ก่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหากหักโหมอาจปวดข้อหรือได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ในช่วงเริ่มแรกควรค่อย ๆ ฟิตร่างกายให้ดีก่อนแล้วค่อยพัฒนาไปออกกำลังกายที่หนักขึ้นจะช่วยถนอมกล้ามเนื้อ ข้อต่อและกระดูกไปได้อีกทาง การเตรียมตัวก่อนการออกกำลังกาย ต้องเริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง และใช้การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อวอร์มร่างกาย ข้อต่อส่วนต่าง ๆ ด้วยก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน คุณอาจวิ่งเหยาะ

วิธีปฏิบัติเมื่อพบคนเป็นลม!

โพสเมื่อ : 18 June 2014 | No Comments

วิธีปฏิบัติเมื่อพบคนเป็นลม! แม้เราจะพบเห็นคนเป็นลมกันได้ไม่บ่อยนัก แต่การเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลคนเป็นลมไว้ก่อนก็เป็นเรื่องดี เพราะวันหนึ่งคนที่เกิดเป็นลมขึ้นมาอาจเป็นญาติสนิท คนรักของคุณก็ได้นะคะ อาการเป็นลม เกิดจากเซลล์สมองมีเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่พอชั่วขณะ จึงทำให้หมดสติอยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วฟื้นได้เองในภายหลัง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์สมองน้อยลงนั้นก็เกิดได้หลายอย่าง ที่พบบ่อยที่สุด ก็มักจะพบในที่ที่มีคนแออัด อากาศร้อนหรืออยู่กลางแดดจ้า มักจะมีอาการใจหวิว มีเสียงดังก้องในหู มองเห็นภาพเป็นจุดหรือตามัว หน้าซีด เหงื่อออก คลื่นไส้ มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นช้าลง แขนขาอ่อนแรง ทรงตัวไม่อยู่ แล้วทรุดลงหมดสติไป แต่หลังจากผ่านไปเพียง 1-2 นาทีก็จะฟื้นขึ้นได้เอง เมื่อเราพบเห็นคนเป็นลมนั้น ควรปฐมพยาบาลดังนี้ค่ะ – จัดท่านอนให้ผู้ป่วยนอนศีรษะต่ำกว่าเท้า

ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง

โพสเมื่อ : 17 June 2014 | No Comments

ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง จากสถิตินับถึงปีปัจจุบันพบว่าคนไทยนั้นเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมีอัตราการตายจากโรคนี้เพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้โรคมะเร็งกลายเป็นสาเหตุการตายอันดับที่หนึ่ง แซงหน้าอุบัติเหตุ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งโรคปอดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่งก็คือ มะเร็งตับ รองลงมาเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งได้แก่ – ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก นั่นคือการได้รับสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนจากอาหาร, การได้รับรังสีเอกซ์, รังสียูวีจากแสงแดด, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิด, การติดเชื้อไวรัสแพบพิลโลมา, พยาธิใบไม้ตับ รวมถึงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ด้วย ฯลฯ – ปัจจัยจากความผิดปกติภายใน เช่น พันธุกรรม,

วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค

โพสเมื่อ : 17 June 2014 | No Comments

วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค โรคติดต่อไม่เรื้อรังนั้นมักถูกเข้าใจว่าน่าจะเป็นโรคของประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ โรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรคนี้เป็นปัญหาของประเทศกำลังพัฒนาต่างหาก เพราะขาดความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อีกทั้งยังต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากด้วย โรคทั้งห้านี้ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งผู้ป่วยโรคเหล่านี้มีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี แล้วยังเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตหรือพิการเพิ่มขึ้นด้วยนะ สาเหตุของโรคทั้งห้าชนิดนี้ มักเป็นบุคคลที่ชอบทานอาหารหวานจัด เค็ม หรือมีไขมันสูง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีความเครียดมากแล้วไม่ค่อยรู้จักการผ่อนคลายกับทั้งยังขาดการออกกำลังกาย ฯลฯ จึงทำให้เป็นโรคอ้วนตามมา

ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย

โพสเมื่อ : 16 June 2014 | No Comments

ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย คุณทราบหรือไม่คะว่า หากเราบริหารจัดการวิถีการใช้ชีวิตให้ดีแล้ว จะสามารถป้องกันการเป็นโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 30-40 เชียวนะคะ แล้วยังสามารถป้องกันโรคอื่น ๆ ที่ร้ายแรงได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ อาการไขมันในเส้นเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ตลอดจนโรคกระดูกพรุนได้ด้วย วันนี้มาดูคำแนะนำในการใช้ชีวิตเพื่อให้ห่างไกลจากมะเร็งกันนะคะ 1. คุณควรเลิกบุหรี่ เพราะคุณทราบหรือไม่คะว่าหากคุณสูบบุหรี่มากกว่า 1 ซอง หรือ 20 มวนต่อวันเป็นเวลา 10 ปีนั้น คุณจะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า! เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่

ยอมรับความเสื่อมของร่างกายตามกาลเวลา

โพสเมื่อ : 13 June 2014 | No Comments

ยอมรับความเสื่อมของร่างกายตามกาลเวลา เมื่ออายุยิ่งมากขึ้นเท่าไร การดูแลสุขภาพก็ยิ่งเป็นเรื่องจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น หากจะเปรียบไปแล้วร่างกายของคนก็เหมือนกับรถที่เก่าลงทุกปี จำเป็นต้องเข้าอู่เพื่อตรวจเช็คสภาพ บำรุงรักษาอยู่เนือง ๆ ร่างกายเราเมื่ออายุมากขึ้นก็ย่อมมีความเสื่อมโทรมลงเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะส่วนใดก็หลีกเลี่ยงความจริงข้อนี้ไปไม่ได้ ซึ่งอาการหรือโรคที่บ่งบอกว่าร่างกายเรากำลังเสื่อมโทรมเอาที่เห็นกันได้ชัด ๆ นั้นก็คือ ตาฝ้าฟาง หูตึง ปวดกล้ามเนื้อ และปวดกระดูก อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงโรคเรื้อรังไม่ติดต่อจำพวก เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด โรคอ้วน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่พบได้แม้ในคนที่อายุยังน้อยอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจากวิธีการใช้ชีวิตนั่นเอง แต่คนเราก็ไม่เหมือนรถไปซะหมดทุกอย่าง เพราะคนเราก็ยังมีจิตใจ

กินกล้วยยังไง…ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด?

โพสเมื่อ : 19 May 2014 | No Comments

กินกล้วยยังไง…ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด? โด่งดังกันมาแล้วสำหรับวิธีลดความอ้วนด้วยการกินกล้วยมื้อเช้า  แล้วทำไมต้องทานมื้อเช้าด้วยล่ะ  เหตุผลนั่นก็เป็นเพราะว่า ในกล้วยนั้น มีอุดมไปสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2   ที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมัน น้ำตาล  รวมไปถึงยังทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า หายงัวเงีย สดชื่นขึ้น  อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมที่ช่วยในการดูดซับโซเดียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะ  ซึ่งเท่ากับช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง  ลดอาการบวมของร่างกายได้ แต่อันที่จริงแล้วการทานกล้วยนั้น จะกินตอนไหนต่างก็ให้ประโยชน์กับร่างกายได้ทั้งหมด  ทางที่ดีที่สุดควรทานกับน้ำเปล่าด้วย เพื่อลดภาระของกระเพาะและลำไส้ให้มากที่สุดนั่นเอง  

อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น!

โพสเมื่อ : 19 May 2014 | No Comments

อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น! ขึ้นชื่อว่าอาหารแล้ว มีทั้งอาหารที่เป็นคุณและเป็นโทษต่อร่างกายนะคะ ดังนั้นการทานอาหาร จึงใช่การสักแต่ทานเพราะเห็นว่าเป็นอาหารเท่านั้น แต่หากคุณไม่อยากแก่ และไม่อยากให้ร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหาร 11 ชนิดดังต่อไปนี้ด้วย 1. เกลือ เพราะเกลือจะไปดูดซึมน้ำในร่างกาย ทำให้อ่อนเพลียและมีความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิต และโรคไต 2. น้ำตาล เมื่อบริโภคน้ำตาลเข้าไป จะไปจับกับคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังเกิดรอยเหี่ยวย่อน ทำให้ดูแก่ลง 3. น้ำตาลเทียม แม้น้ำตาลเทียมจะไม่ทำให้คุณเป็นเบาหวาน แต่ก็อาจก่อปัญหากับร่างกายได้ด้วย ทำให้เกิดอาการปวดหัว

หน้า 6 ทั้งหมด 7 หน้า1234567