Category: ภูมิแพ้

  • ผู้ป่วยหอบหืดควรหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นอาการดังนี้

    ผู้ป่วยหอบหืดควรหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นอาการดังนี้

    ผู้ป่วยหอบหืดควรหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นอาการดังนี้ 1. สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ละอองหญ้า วัชพืช ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่นตามที่นอน เฟอร์นิเจอร์ หรือของเล่นตุ๊กตาที่ทำจากนุ่นหรือมีขน เชื้อรา แมลงสาบรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงในบ้าน อาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนมวัว ไข่ กุ้ง หอย ปลา ปู งา ถั่วเหลือง สีผสมอาหาร สารกันบูด ฯลฯ 2. สารเคมีและควันระคายเคืองต่าง ๆ เช่น ควันบุหรี่ ท่อไอเสีย ควันธูป ฝุ่นละออง สเปรย์ ยาฆ่าแมลง อากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน หรืออากาศเย็นๆ กลิ่นฉุนต่าง ๆ ฯลฯ 3. อย่าปล่อยให้ตัวเองป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็น หวัด ไข้หวัด ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ 4. หากต้องการออกกำลังกาย ควรสูดพ่นยาขยายหลอดลมก่อนสักครึ่งชั่วโมงป้องกันอาการกำเริบ 5. หลีกเลี่ยงความเครียดต่าง ๆ 6.…

  • อาการ โรคหืด และภูมิแพ้

    อาการ โรคหืด และภูมิแพ้

    อาการ โรคหืด และภูมิแพ้ ในปัจจุบันคนไทยเราป่วยเป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้น กว่าครึ่งนั้นจะเป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ มีผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคหอบหืดกว่าร้อยละ 60-80 จะเป็นโรคภูมิแพ้แฝงอยู่ด้วย ในทางตรงข้ามผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ก็มีโอกาสเป็นโรคหอบหืดมากกว่าคนทั่วไปได้ถึงสามเท่า ความรุนแรงของโรคหืดนี้จะเกิดจากสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย โดยเฉพาะกับอาหาร ผู้ป่วยโรคหอบหืดมีโอกาสแพ้อาหารได้มากกว่าคนปกติถึงร้อยละ 52 ผู้ที่มีปฏิกิริยารุนแรงนั้นจะมีอาการหน้าบวม คอบวม หลอดลมหดตัว หายใจไม่ออก ความดันโลหิตต่ำ หรือช็อกจนเสียชีวิตได้ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งภายใน 2-3 นาทีจนถึง 2-3 ชั่วโมงหลังกินอาหารเข้าไป ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่ากินอะไรเข้าไปแล้วแพ้ได้ขนาดนั้นด้วย แต่อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีอาการรุนแรงขนาดนั้นจะมีอยู่เพียงร้อยละ 5 ของผู้ป่วยโรคหอบหืดทั้งหมด การเกิดปฏิกิริยาต่ออาหารที่แพ้นั้น บางคนแค่ได้กลิ่น หรือลิ้นแตะอาหารก็แพ้ได้แล้ว แต่ละคนอาจเกิดปฏิกิริยาต่ออาหารชนิดเดียวกันแต่ละครั้งไม่เหมือนกันก็ได้ อาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ส่วนใหญ๋ได้แก่อาหารโปรตีน จำพวก นม ไข่ ถั่วต่าง ๆ หอย ปลา และอาหารที่ใส่สารผสม เช่น ซัลไฟท์ที่พบในผลไม้แห้ง ผักกาดแห้ง ผักดอง เครื่องเทศ ไวน์ เบียร์ น้ำมะนาว รวมไปถึงอาหารชนิดอื่น ๆ ที่ผสมสารกันบูด…

  • ป้องกันหมอกควันในอากาศทำร้ายสุขภาพ

    ป้องกันหมอกควันในอากาศทำร้ายสุขภาพ

    ป้องกันหมอกควันในอากาศทำร้ายสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอากาศในเมืองใหญ่หรืออากาศตามต่างจังหวัด ในบางช่วงของปีก็มักมีปัญหาของหมอกควันและฝุ่นละอองหนาแน่นจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพกันได้ทั้งนั้น โดยหากมีหมอกควันและฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน อาจทำให้เกิดอาการแสบตา ตาแดง คันตา น้ำมูกหรือน้ำตาไหลได้ ยิ่งหากเป็นผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ภูมิแพ้ โรคปอด หอบหืด ผู้ป่วยโรคหัวใจ หมอกควันเหล่านี้ก็อาจทำให้อาการกำเริบรุนแรงขึ้นได้ นอกจากนี้กลุ่มที่น่าเป็นห่วงได้แก่ เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา ก็อาจเจ็บป่วยไม่สบายได้ง่ายขึ้นด้วย โดยมักมีอาการของหวัด คออักเสบ เจ็บคอ ไอ จาม เป็นต้น หากคุณผู้อ่านอยู่ในพื้นที่มีปัญหาหมอกควันหนาแน่น ควรดูแลตนเองดังต่อไปนี้ค่ะ – กลุ่มที่มีโรคประจำตัวและเจ็บป่วยง่าย ควรอยู่แต่ในอาคารบ้านเรือนและปิดประตูหน้าต่างมิให้ควันไฟเข้าไปในอาคารได้ – ควรใส่หน้ากากอนามัย หรือจะพรมน้ำหมาก ๆ ช่วยด้วยก็จะช่วยกรองฝุ่นควันได้ดีขึ้น – บ้านที่ติดแอร์คอนดิชั่น ควรถอดแผ่นกรองอากาศมาทำความสะอาดให้บ่อยขึ้น – ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่แข็งแรง หากช่วงใดที่สภาพอากาศมีหมอกควันฝุ่นละออกมาก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่แจ้ง และที่สำคัญที่สุดก็คือทุกคนร่วมใส่ใจกับชุมชนและสังคมร่วมกัน ไม่ควรเผาขยะหรือเผาวัตถุใด ๆ ก็ตาม ที่จะทำให้เกิดควันพิษสร้างปัญหาให้กับชุมชน เพื่อสุขภาพของตัวเราเองและคนที่เรารักทุกคนนะคะ  

  • มาสังเกต…อุจจาระตัวเองกัน

    มาสังเกต…อุจจาระตัวเองกัน

    มาสังเกต…อุจจาระตัวเองกัน การอุจจาระ เป็นกิจกรรมประจำวันที่สำคัญต่อสุขภาพ แต่คนส่วนใหญ่เวลาจัดการธุระเรียบร้อยแล้วก็มักไม่เคยหันมาสังเกตอุจจาระของตนเองเลย วันนี้เลยอยากจะมาชวนคุณผู้อ่านหันมาดูอุจจาของตัวเอง เพื่อตรวจสอบสุขภาพของคุณกันค่ะ ทุกคนมีลักษณะของอุจจาระ และพฤติกรรมการถ่ายอุจจาระที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารที่ทาน ปริมาณน้ำที่ดื่ม การออกกำลังกาย และลักษณะจำเพาะทางร่างกายของคน ๆ นั้นด้วย ลักษณะของอุจจาระที่เหมาะสมนั้นควรมีความอ่อนนิ่มกำลังพอดี ไม่ต้องออกแรงเพ่งมาก มีสีและกลิ่นปกติ หากกินผักก็อาจมีสีเขียวมาก หากกินผลไม้ชนิดใดมากก็อาจถ่ายเป็นสีนั้นออกมาได้ แต่หากกินผักผลไม้น้อย แล้วกินเนื้อสัตว์มากอุจจาระก็อาจมีกลิ่นเหม็นมากได้ สำหรับผู้ที่ท้องผูกบ่อย ๆ อุจจาระคั่งค้างในร่างกายนานเกิดไป ทำให้บูดเน่าเสียในลำไส้จนเกิดสารพิษขึ้น สารพิษนี้จะถูกดูดกลับเข้าไปภายในร่างกายใหม่อีกครั้งพร้อมกับน้ำ อุจจาระจึงแข็งถ่ายลำบาก อีกทั้งสารพิษเหล่านี้ยังทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ ภูมิต้านทานโรคต่ำ เซลล์เสื่อมลง แล้วยังอาจทำให้เป็นมะเร็งได้ด้วย ดังนั้นเราจึงควรทำให้กิจกรรมการถ่ายอุจจาระของเราเป็นปกติและเป็นเวลา โดย.. – ทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง ๆ เช่น ผักผลไม้ให้มาก เพื่อปริมาณและความเหลวของอุจจาระได้ดี – ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรหรือราว ๆ 8-10 แก้ว เพื่อให้อุจจาระอุ้มน้ำพองตัว นิ่ม แล้วถูกขับออกมาได้ง่าย – ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ช่วยให้การทำงานของลำไส้ดีขึ้น จะสังเกตได้ว่ามีการเรอหรือผายลมเวลาออกกำลังกาย จึงไม่มีปัญหาท้องผูก ท้องเฟ้อ…

  • ความเครียด…อาจเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังได้หลายชนิด

    ความเครียด…อาจเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังได้หลายชนิด

    ความเครียด…อาจเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังได้หลายชนิด ด้วยการใช้ชีวิตในทุกวันนี้ทำให้เกิดความเครียดในหมูคนไทยกันมากขึ้น ก่อให้เกิดผลเสียหลายประการไม่ว่าจะเป็น ทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงาน อารมณ์ไม่มั่นคง หงุดหงิด โมโหง่าย ปวดท้อง ปวดหัว ปวดหลังนอนไม่หลับ แล้วยังอาจเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายแรงอื่น ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะอาหาร ต่อมไทรอยเป็นเป็นพิษ รวมไปถึงโรคจิต โรคประสาทได้อีก แต่เชื่อหรือไม่ว่านอกจากนี้แล้ว ความเครียดยังเป็นบ่อเกิดของโรคผิวหนังนานาชนิดได้อีกด้วยค่ะ สามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่มได้ดังนี้ – ในส่วนผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอยู่แล้ว การมีความเครียดหรือโรคทางใจทำให้โรคกำเริบได้ เช่น ผมร่วง ภูมิแพ้ผิวหนัง เริม คัน สะเก็ดเงิน สิวเห่อ โรคผิวเปลือกไม้ หูด รวมไปถึงลมพิษ – กลุ่มโรคผิวหนังที่ทำให้จิตป่วยและเครียด คือโรคผิวหนังที่ทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะภายนอกไม่น่ามอง เช่น สิวรุนแรง ด่างขาว สะเก็ดเงิน เริ่ม ผู้ป่วยจึงเสียความมั่นใจ รู้สึกอับอาย – กลุ่มโรคทางใจที่ทำให้เกิดอาการทางผิวหนัง เช่น โรคชอบดึงผมเล่นจนร่วง โรคหลงผิดคิดว่ามีแมลงหรือพยาธิไต่ตามผิวหนัง โรคฝังใจว่ามีเส้นใยผุดออกมาจากผิวหนัง โรคไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาตนเอง ชอบคิดว่าตนเองไม่สวย ผมบาง ขนดก และชอบเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น…

  • วิธีดูแลร่างกายตัวเองในฤดูหนาวหรืออากาศเย็น

    วิธีดูแลร่างกายตัวเองในฤดูหนาวหรืออากาศเย็น

    วิธีดูแลร่างกายตัวเองในฤดูหนาวหรืออากาศเย็น สำหรับประเทศไทยแล้ว อากาศเย็น ๆ หรือช่วงหน้าหนาวมักจะเป็นฤดูที่โปรดปรานของใครหลายคนนะคะ เพราะทั้งปีนั้นมีแต่อากาศร้อน ๆ และฝนตกแฉะ ชวนให้เหนียวเหนอะหนะร่างกายมาตลอดทั้งปี หน้าหนาวยังทำให้เราได้ไปเที่ยวดอย เที่ยวภูเขาที่อากาศหนาว ได้ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ อย่างมีความสุขด้วย แต่แม้อากาศหนาวจะเป็นที่ชื่นชอบเท่าไร การดูแลตัวเองในระยะนี้ก็ต้องมากเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะอุณหภูมิที่ลดต่ำลงอาจทำให้เป็นหวัดหรือป่วยด้วยโรคอื่นได้ง่าย ดังนั้นหากอยากหนาวอย่างสนุก ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงดังนี้ค่ะ 1. ทานอาหารให้ครบถ้วนและมีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะอากาศแห้ง ออกกำลังกายให้ร่างกายขับเหงื่ออบอุ่นอยู่เสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ตรากตรำทำงานมากเกินไป 2. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ สุรา หรือเสพยาเสพติดอื่น ๆ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมและเพิ่มโอกาสการติดเชื้อได้ง่าย 3. ในฤดูหนาวที่เรามักอยู่ในห้องนอนนาน ๆ เพราะสว่างช้า ควรจัดห้องนอนให้สะอาด ซักผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนให้สะอาด นำมาผึ่งแดดบ่อย ๆ ในช่วงกลางวันควรเปิดประตูห้องเพื่อระบายอากาศให้แสงแดดได้ผ่านเข้ามาในห้อง ลดการหมักหมมของเชื้อโรคด้วย 4. รักษาร่างกายให้อบอุ่นเข้าไว้ หากหนาวมากควรสวมถุงมือ ถุงเท้า และหมวกไหมพรม เพื่อความอบอุ่นโดยเฉพาะในเด็กและคนชรา 5. หากอากาศแห้งมาก การอาบน้ำตอนเข้าอาจฟอกสบู่แค่บางจุดก็พอ มิเช่นนั้นอาจทำให้ผิวแห้งมากเกินไป…

  • ทำความรู้จักกับ…โรคสะเก็ดเงิน

    ทำความรู้จักกับ…โรคสะเก็ดเงิน

    ทำความรู้จักกับ…โรคสะเก็ดเงิน ความจริงแล้วโรคสะเก็ดเงินไม่ได้เป็นโรคติดต่อ และไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ด้วย มักเกิดในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย และกระโดดข้ามไปในช่วงอายุ 40-50 ปี พบได้ทั้งสองเพศพอ ๆ กัน ส่วนสาเหตุของโรคไม่แน่ชัด แต่พบปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ – พันธุกรรมพบได้กว่าร้อยละ 50 – ความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจก็กระตุ้นให้เกิดโรคได้ – การติดเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เกลื้อน – การบาดเจ็ดที่มีลักษณะของการเสียดสีที่ผิวหนัง – ยาบางตัว เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต ยาต้านมาลาเรีย ยาแก้ปวดที่ไม่ใช่กลุ่มสเตียรอยด์ และสามารถแบ่งโรคตามลักษณะของอาการได้ดังนี้ 1. โรคสะเก็ดเงินปื้นหนาเป็นเรื้อรัง พบบ่อยที่ข้อศอก หัวเข่า หรือหลังส่วนล่าง 2. โรคสะเก็ดเงินที่ซอกพับ ปื้นมักเรียบ ไม่มีขุย 3. โรคสะเก็ดเงินบริเวณหนังศีรษะ / ฝ่ามือฝ่าเท้า / เล็บ / ช่องปาก 4. โรคสะเก็ดเงินของรูปหยดน้ำ 5. โรคสะเก็ดเงินชนิดเป็นตุ่มหนอง ชนิดผื่นแดง 6.…

  • เสริมสร้างไอคิว และพัฒนาการทางสมอง ให้ลูกด้วยนมแม่

    เสริมสร้างไอคิว และพัฒนาการทางสมอง ให้ลูกด้วยนมแม่

    เสริมสร้างไอคิว และพัฒนาการทางสมอง ให้ลูกด้วยนมแม่ สำหรับเด็กทารกแล้ว น้ำนมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดของเขา เป็นอาหารจากอกแม่ที่ไหลออกจากอกสู่ปากสู่ ไม่เพียงทำให้ลูกอิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังสร้างภูมิคุ้มกันและการเจริญเติบโตให้กับลูกได้อย่างเหมาะสม พัฒนาทั้งทางร่างกายและทางจิตใจลูกพร้อมทั้งแม่ได้อย่างยอดเยี่ยม สาเหตุที่จำเป็นต้องเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ก็เป็นเพราะ ในน้ำนมแม่ทำให้ลูกฉลาดหรือมีไอคิวที่สูงขึ้นได้ แม้ว่าความฉลาดหรือไอคิวของเด็กจะขึ้นอยู่กับสิ่งสำคัญสามประการก็คือ การเลี้ยงดู กรรมพันธุ์จากพ่อแม่และอาหารที่เหมาะสมก็ตาม แต่นมแม่ก็ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการทำให้สมองลูกเจริญเติบโตได้อย่างดีและสมบูรณ์มากขึ้นด้วย เป็นเพราะว่า 1. ในน้ำนมแม่นั้นมีไขมันที่จำเพาะสำหรับสมองเด็กทารก โดยในระยะหกเดือนแรกนี้ร่างกายหนูน้อยยังย่อยไขมันไม่ได้เต็มที่ แต่ในนมแม่มีน้ำย่อยไขมันมาด้วย ดังนั้นไขมันจากนมแม่จึงถูกนำไปใช้สร้างสมองได้สมบูรณ์เต็มที่ต่างจากนมกระป๋องตามโฆษณา 2. สารอาหารหลายร้อยชนิดในนมแม่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองและจอประสาทตา ดังนั้นเด็กที่กินนมแม่จึงมีสมองดี ดวงตามองเห็นได้ชัดเจน และทำให้พัฒนาการรวดเร็วขึ้น 3. เวลาให้นมลูกด้วยนมตนเอง แม่ต้องอุ้มลูกไว้ในอ้อมกอดวันละหลาย ๆ ครั้ง การอุ้มลูกจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทำให้เซลล์สมองมีการเชื่อมโยงกันมากขึ้น ยิ่งเชื่อมโยงมากก็ยิ่งฉบาดมาก หากเชื่อมโยงน้อยสมองส่วนนั้นก็จะฝ่อตัวไปในที่สุด ความจำเป็นที่ต้องให้ทารกดื่มนมแม่เป็นเวลาหกเดือน จากที่เคยเข้าใจว่าให้นมแม่แค่สี่เดือน ก็เป็นเพราะว่า น้ำย่อยของเด็กจะสร้างครบและพร้อมจะย่อยอาหารทุกอย่างเมื่ออายุครบหกเดือนขึ้นไป ซึ่งในอดีตที่ให้เด็กหัดกินอาหารอื่นเมื่อครบสี่เดือน ก็เป็นการเผื่อให้ร่างกายได้สร้างน้ำย่อยให้ครบพอดี แต่จากข้อมูลสถิติแล้วพบว่า เด็กที่กินนมแม่ผสมกับข้าวเร็วกว่าหกเดือน จะเจ็บป่วยบ่อยเมื่อเทียบกับเด็กที่ดื่มนมแม่ล้วน ๆ ดังนั้นเราจึงควรให้ลูกดื่มแต่นมแม่อย่างเดียวตลอดหกเดือนแรก นอกจากนั้นแล้วการดื่มนมแม่อย่างเดียวตลอดหกเดือนยังช่วยลดโอกาสท้องเสีย เกิดโรคทางเดินหายใจหรือโรคภูมิแพ้ แล้วยังส่งผลดีต่อพัฒนาการทางสมองเด็กมากกว่า ดังนั้นคุณแม่ทั้งหลายของให้มั่นใจเถอะว่าการให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวลูกไม่ขาดน้ำหรือสารอาหารแน่นอน และในระยะหกเดือนแรกสมองลูกจะเติบโตเร็วมากการดื่มนมแม่จึงเหมาะที่สุด หากให้ทานอาหารชนิดอื่น ระบบทางเดือนอาหารลูกยังไม่สามารถย่อยได้เต็มที่ อาจทำให้ลูกเจ็บป่วยบ่อยเพราะอาหารอื่นลงไปแย่งพื้นที่นมแม่ที่มีสารอาหารเต็มเปี่ยมด้วย อีกทั้งยังอาจทำให้ลูกได้รับเชื้อโรคที่ปะปนมากับอาหารชนิดอื่นหรือแพ้โปรตีนจากนมอื่น ๆ…

  • สูตรไม่ลับ! ล้างไขมันลำไส้ ง่ายๆที่บ้าน

    สูตรไม่ลับ! ล้างไขมันลำไส้ ง่ายๆที่บ้าน

    สูตรไม่ลับ! ล้างไขมันลำไส้ ง่ายๆที่บ้าน หนุ่มๆ สาวๆ ท่านไหน ที่สะสมไขมันไว้ในร่างกายมากๆ ขอบอกเลยนะ ว่าไม่ใช่ผลดีเลย เพราะไขมันที่อยู่ในร่างกายของเรา ถ้าหากมีปริมาณมากเกินไป จะส่งผลให้โทษกับร่างกาย ซึ่งโทษที่เกิดจากการที่ไขมันสะสม ที่เกาะผนังลำไส้ กระเพาะอาการ จะทำให้เกิดโรคต่างๆได้ เช่น – ถุงน้ำดี โรคนี้จะมีอาการนอนไม่หลับ เป็นนิ่วในไต สายตาเสื่อมลง และจะปวดเมื่อยตามร่างกาย – เลือดเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จะทำให้มึนศรีษะ – ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลง และจะกลายเป็นคนขี้หนาว – ม้ามชื้น ทำมห้อาหารที่เราทานเข้าไป แปรสภาพเป็นไขมัน และส่งผลให้เป็นคนอ้วนง่าย – ม้ามโต ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย เนื่องจากม้ามไปเบียดปอด – หากไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะส่งผลให้ลำไส้เล็ก ไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ และจะทำให้เป็นหวัดในตอนเช้า หรือเป็นหวัดเรื้อรัง อาจจะมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้ และมักจะมีอาการจามในตอนเช้า – ถ้ามีไขมันในตับสูง จะส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดไม่ปกติ หากดื่มตามสูตรนี้ จะช่วยลดหน้าท้อง และยังส่งผลให้อาการทั้ง 7…

  • ล้างสารพิษในร่างกาย ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

    ล้างสารพิษในร่างกาย ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

    ล้างสารพิษในร่างกาย ง่ายๆ ด้วยตัวเอง คุณจะรู้หรือไม่ว่า…. การล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเราออกไป นั้นจะช่วยทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้น และช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก ยิ่งถ้าทำเป็นประจำ ก็จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลง และยังช่วยรักษาโรคร้ายอย่าง “มะเร็ง“ รวมถึงโรคภูมิแพ้ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หอบหืด เบาหวาน รวมกระทั่งลดความอ้วนได้อีกด้วย หัวใจหลักๆของการทำงานในการล้างสารพิษในร่างกาย 1 วัน คือ จะต้องทานให้ได้แคลลอรี่ที่น้อยกว่า 800 แคลลอรี่ เพื่อให้ระบบย่อยอาหารและตับได้มีการพักผ่อน และต่อจากนั้น ตับก็จะขับสารพิษออกมา และอาหารที่เราทานเข้าไปในวันนั้นจะต้องไม่มีเนื้อสัตว์ปะปนเด็ดขาด หากเข้าใจกันดีแล้ว เรามาเข้าสู่ขั้นตอนการล้างสารพิษกันเลยค่ะ 1. เลือกผลไม้ที่เราชื่นชอบมา 1 ชนิด อย่างเช่น ฝรั่ง แคนตาลูป มะละกอ แอปเปิ้ล ชมพู่ มะม่วง ส้มโอ หรืออะไรก็ตาม แต่จะมีผลไม้ที่ต้องยกเว้นไว้ 2 อย่าง คือ ทุเรียนและสับประรด เนื่องจากในทุเรียนจะมีแคลลอรี่สูงมาก และยังย่อยยากอีกด้วย ส่วนในสับประรดนั้น จะมีกรดที่สูง ถ้าหากต้องทานทั้งวัน จะทำให้เราท้องอืดได้ 2. ทานแต่ผลไม้ที่เราเลือก…