Category: สิว
-
ดูแลตัวเองอย่าให้อุจจาระคั่งค้างจนท้องผูกได้
ดูแลตัวเองอย่าให้อุจจาระคั่งค้างจนท้องผูกได้ อุจจาระที่ร่างกายของเราย่อย และเตรียมขับถ่ายออกมาจากร่างกายนั้น หากเราไม่ได้ถ่ายออกมาจะเกิดการบูดเน่าและมีสารพิษขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้ในร่างกาย สารพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายใหม่ ยิ่งคุณไม่ยอมถ่ายนานเท่าไรร่างกายก็ยิ่งได้รับพิษนานขึ้นไปนั่นเอง ทำให้ร่างกายเกิดความไม่ปกติต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น เป็นสิว ป่วยบ่อย ปวดหัวบ่อย ๆ เป็นต้น อุจจาระที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายเรานั้น เพียงแค่ไม่นานก็รู้สึกอึดอัดแล้ว แต่หากทิ้งไว้เป็นระยะนานอุจจาจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง ๆ ทำให้เกิดปัญหาการขับถ่ายที่เรียกว่าท้องผูกนั่นเอง ความจริงแล้วความถี่ในการถ่ายอุจจาระของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เพราะต่างก็มีวิถีชีวิตที่ต่างกันไป ทั้งอาหารการกิน การออกกำลังกาย การดื่มน้ำ ฯลฯ ทำให้บางคนถ่ายท้องทุกวัน บางคนก็วันเว้นวันก็มี ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่แน่ใจได้ว่าทุกคนต้องไม่อยากท้องผูกเป็นแน่ ดังนั้นเรามาดูแลตัวเองอย่าให้อุจจาระคั่งค้างจนเกิดอาการท้องผูกกันด้วยวิธีดังต่อไปนี้ดีกว่าค่ะ 1. ทานอาหารที่มีกากใยมา ๆ พวกผักผลไม้ต่าง ๆ จะช่วยดูดซับน้ำในลำไส้ใหญ่ไว้ ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้ถ่ายออกได้ง่าย 2. ดื่มน้ำให้ได้มากกว่าวันละสองลิตรขึ้นไป เมื่อร่างกายมีน้ำเหลือใช้จะถูกดูดซับเก็บไว้ในอุจจาระมากขึ้น อุจจาระจะอุ้มน้ำ พองตัว นิ่มเหลวและถ่ายออกได้ง่ายด้วย 3. ออกกำลังกาย หรือออกำลังด้วยกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างต่อเนื่องจะช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ขับถ่ายอุจจาระออกมาได้ง่าย สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกอยู่แล้วลองนำหลักการทั้งสามข้อนี้ไปแก้ปัญหาดูนะคะ อีกทั้งยังควรจัดเวลาให้เข้าห้องน้ำขับถ่ายตรงเวลากันทุกวันด้วยก็จะดี หากนำไปลองทำตามแล้วไม่เกิดผลดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์จะดีกว่าค่ะ
-
ความเครียด…อาจเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังได้หลายชนิด
ความเครียด…อาจเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังได้หลายชนิด ด้วยการใช้ชีวิตในทุกวันนี้ทำให้เกิดความเครียดในหมูคนไทยกันมากขึ้น ก่อให้เกิดผลเสียหลายประการไม่ว่าจะเป็น ทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงาน อารมณ์ไม่มั่นคง หงุดหงิด โมโหง่าย ปวดท้อง ปวดหัว ปวดหลังนอนไม่หลับ แล้วยังอาจเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายแรงอื่น ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะอาหาร ต่อมไทรอยเป็นเป็นพิษ รวมไปถึงโรคจิต โรคประสาทได้อีก แต่เชื่อหรือไม่ว่านอกจากนี้แล้ว ความเครียดยังเป็นบ่อเกิดของโรคผิวหนังนานาชนิดได้อีกด้วยค่ะ สามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่มได้ดังนี้ – ในส่วนผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอยู่แล้ว การมีความเครียดหรือโรคทางใจทำให้โรคกำเริบได้ เช่น ผมร่วง ภูมิแพ้ผิวหนัง เริม คัน สะเก็ดเงิน สิวเห่อ โรคผิวเปลือกไม้ หูด รวมไปถึงลมพิษ – กลุ่มโรคผิวหนังที่ทำให้จิตป่วยและเครียด คือโรคผิวหนังที่ทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะภายนอกไม่น่ามอง เช่น สิวรุนแรง ด่างขาว สะเก็ดเงิน เริ่ม ผู้ป่วยจึงเสียความมั่นใจ รู้สึกอับอาย – กลุ่มโรคทางใจที่ทำให้เกิดอาการทางผิวหนัง เช่น โรคชอบดึงผมเล่นจนร่วง โรคหลงผิดคิดว่ามีแมลงหรือพยาธิไต่ตามผิวหนัง โรคฝังใจว่ามีเส้นใยผุดออกมาจากผิวหนัง โรคไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาตนเอง ชอบคิดว่าตนเองไม่สวย ผมบาง ขนดก และชอบเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น…
-
สูตรพอกหน้า…มะม่วงสลายสิว
สูตรพอกหน้า…มะม่วงสลายสิว มะม่วง.. ผลไม้ที่ออกผลในช่วงฤดูร้อน ที่ไม่ว่าจะนำมาทานแบบดิบ สุก หรือทานกับข้าวเหนียวมูล รวมไปถึงขนมชนิดอื่น ๆ ก็อร่อยทั้งสิ้น แต่วันนี้ไม่ได้มาแนะนำสูตรอาหารนะคะ แต่เป็นสูตรพอกหน้าที่ช่วยลดสิว, สิวอักเสบและอาการบวมแดงต่าง ๆ วิธีก็แสนง่าย แค่ซื้อมะม่วงสุกมาปอกแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ นำลงปั่นในเครื่องปั่นจนเหลว หรือสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วเอาส้อมยีให้แหลกก็ได้ นำมาผสมกับน้ำมะนาวอีกครึ่งช้อนโต๊ะ กับดินสอพอง ¼ ช้อนโต๊ะ กับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา กวนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกบนใบหน้าที่ล้างสะอาดรอไว้แล้ว พอกให้ทั่วประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออก สูตรนี้จะช่วยผิวหน้าสวยใสในขณะที่ช่วยรักษาสิวไปด้วยในตัว เพราะในมะม่วงนั้นมีกรดผลไม้ชนิดอ่อน ๆ เมื่อผสมรวมกับมะนาวแล้วก็จะช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ ส่วนดินสอพองช่วยปรับสภาพผิวและซับสิวให้แห้ง รวมไปถึงลดอาการบวมได้ แถมด้วยน้ำผึ้งท่ช่วยฆ่าเชื้อและสมานแผล สูตรพอกหน้านี้จึงเป็นสูตรที่ครบวงจรในการดูแลผิวหน้าเลยทีเดียวค่ะ
-
อาหารต้องห้ามของ 10 โรค
—
by
in ข่าวสุขภาพ, ความดันโลหิตสูง, ตับ, ท้องผูก, ริดสีดวงทวารหนัก, สิว, หอบหืด, หัวใจ, เบาหวาน, ไข้หวัด, ไตอาหารต้องห้ามของ 10 โรค อาหารต้องห้ามหรือของแสลง ก็คืออาหารท่านเข้าไปแล้วทำให้อาการกำเริบหรือโรคที่เป็นอยู่หายช้าลง มีพื้นฐานมาจากภูมิปัญญาทางการแพทย์พื้นบ้าน รู้ไว้จะดีกว่านะคะ ..หากเป็นโรคกระเพาะ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกกาแฟ ชาแก่ ๆ ของทอด อาหารรสเผ็ด หรือมีไขมันสูง อาจทำให้โรคหายยากขึ้น ควรทานอาหารให้ตรงเวลาและเลือกอาหารที่ย่อยง่ายดีกว่า .. หากเป็นไข้ หรือเป็นไข้หวัด เลี่ยงอาหารที่มีความเย็น ของทอด ของมัน ที่ย่อยยาก จะยิ่งทำให้ตัวร้อนขึ้น .. หากเป็นโรคความดันโลหิตสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง เช่น โกโก้ ไข่ปลา ไขกระดูก หมูสามชั้น สุรา แอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัดและผลไม้ที่มีความหวานอย่างขนุน ทุเรียน ลำไย ด้วย .. หากเป็นโรคตับหรือถุงน้ำดี เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลด์ อาหารติดมัน เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องใน ของทอด ของหวานจั เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของการย่อยอาหารลดลง เพิ่มภาระให้กับตับและถุงน้ำดี ..หากเป็นโรคหัวใจและโรคไต เลี่ยงอาหารที่มีความเค็ม เพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตเองก็ต้องขับเกลือมากขึ้น…
-
มะระ หวานเป็นลม ขมมีประโยชน์นะ
มะระ หวานเป็นลม ขมมีประโยชน์นะ ผักที่มีรสชาติขมปร่าอย่างมะระเนี่ยเป็นผักที่นำเอามาทำอาหารหลายชนิดได้อร่อยเลิศ แล้วยังมีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นในฐานะของอาหารหรือสรรพคุณทางยาก็มากจนเรานึไม่ถึงเลยนะคะ สำหรับมะระพันธุ์ที่เป็นที่นิยมทานในเมืองไทยก็ได้แก่ มะระขี้นก และมะระจีน ที่เป็นสายพันธ์ที่ชาวจีนนำเข้ามาในประเทศไทยนั่นเองค่ะ ผลมะระจะมีขนาดใหญ่กว่ามะระขี้นก น้ำหนักมากกว่า และมีความขมน้อยกว่าไปด้วย สาเหตุที่มะระมีความขมก็เป็นเพราะว่าในมะระมีสารที่ชื่อว่า Momodicine ซึ่งช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร และก็ช่วยให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำงานได้มี่ประสิทธิภาพขึ้น รสขมของมะระยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่น ๆ ได้อีก เหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นท้องผูก มะระทั้งสองพันธ์นั้นสามารถนำมาประกอบอาหารได้มากมาย ราคาก็ไม่แพง ในส่วนของผู้ที่ต้องการลดความขมของมะระลงนั้นก็มีเคล็ดลับว่าให้นำมะระที่หั่นหรือซอยแล้ว ไปคลุกเกลือทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก หรือเวลาต้มมะระยัดไส้ให้เปิดฝาหม้อไว้จนเดือดจะช่วยลดความขมของมะระได้ คุณค่าทางโภชนาการของมะระนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียมที่ช่วยการทำงานของกระดูกและฟัน ช่วยให้เลือดแข็งตัว ฟอสฟอรัสที่ช่วยประสานการทำงานกับแคลเซียม บำรุงฟัน กระดูกและสมอง กล้ามเนื้อ มีวิตามินซี ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส มีเบต้าคาโรทีนสูง ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและปกป้องเซลล์จากการทำลายของสารก่อมะเร็งได้ด้วย ในส่วนของสรรพคุณทางยานั้นก็มีมากมายดังนี้ 1. นำใบสดมาต้มดื่มบรรเทาอาการหวัด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ลดอาการบวมหรือฟกช้ำของร่างกาย และใช้ทาแก้อาการผื่นคันได้ 2. นำเอาผลมะระสุกคั้นแต่น้ำ มาทาหน้าเพื่อแก้อาการสิวอักเสบ 3. นำผลดิบมาลวกกินกับน้ำพริก รักษาอาการปวดเข่าในผู้สูงอายุ 4. เมล็ดมะระ มีคุณสมบัติในการปรับธาตุในร่างกายให้เกิดความสมดุล 5. รากของมะระใช้ต้มน้ำดื่มแก้ไข้…
-
ข่าวร้าย 7 อย่าง ของคนที่ชอบนอนดึก
ข่าวร้าย 7 อย่าง ของคนที่ชอบนอนดึก ด้วยความเคยชินของสังคมคนรุ่นใหม่ ทั้งยังกิจกรรมก่อนนอนต่าง ๆ นา ๆ รวมทั้งการทำงานหนักกลับบ้านดึก ทำให้หนุ่มสาววัยทำงานทั้งหลายไม่มีเวลาให้ตัวเองมากนัก นอนก็ดึก ทั้งยังต้องตื่นเช้าขึ้นมาทำงานต่ออีก ทำให้ร่างกายพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ แต่ข้อเสียมิใช่แค่นั้น การนอนดึกและไม่เพียงพอยังทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาอีกด้วย ลองมาดูผลเสียต่อสุขภาพของคุณกันค่ะ 1. การนอนดึกทำให้หลง ๆ ลืม ๆ พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง การตอบสนองช้า เพราะสมองขาดการพักผ่อนอย่างเพียงพอ หากนอนดึกบ่อย ๆ จะทำให้เป็นโรคสมองเสื่อมได้ง่าย 2. ผิวพรรณหม่นหมองไม่เปล่งปลั่งสดใส ร่างกายก็แก่ก่อนวัย ฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่ ว่าง่าย ๆ ก็คือร่างกายแก่ก่อนอายุจริงนั่นเอง 3. ขาดสมาธิทั้งการเรียนและการทำงาน เพราะสมองสั่งการช้า ไม่มีสมาธิ ความจำก็ไม่ดีอีกด้วย 4. ร่างกายขาดการพักผ่อนอย่างเต็มที่ จึงไม่แข็งแรง ป่วยง่าย ระบบต่าง ๆ ขาดการซ่อมแซมตัวเองอย่างเหมาะสมเพราะขาดการนอน 5. เพราะการนอนดึกทำให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ติโซลออกมา จึงทำให้หิวได้ง่าย ยิ่งนอนดึกก็ยิ่งหิวมาก ระบบย่อย น้ำย่อย และการดูดซึมทำงานได้ไม่เต็ม…