Tag: ความเครียด
-
ดูแลจิตใจตนเองและคนใกล้ตัว ในยามเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ดูแลจิตใจตนเองและคนใกล้ตัว ในยามเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในยามที่ชีวิตต้องประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่อาจทำให้ขวัญหาย ตกใจหรือเกิดความเครียดขึ้นนั้น เป็นระยะที่ทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ บ่อยครั้งที่มักสร้างปัญหาสุขภาพตามมาด้วย ปัญหาทั้งหลายนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ตัวเราซึ่งเป็นผู้ประสบปัญหานั้นต่าง ๆ จะจัดการกับปัญหาและจิตใจของตัวเองอย่างไร วันนี้เรามีแนวทางในการดูแลตนเองและคนใกล้ในยามที่เผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาฝากกันค่ะ – พยายามสงบจิตใจ ความวิตกกังวลมากเกินเหตุจะทำให้ยิ่งเครียด การผ่อนคลายความเครียดที่ง่ายที่สุดในขั้นตอนแรก็คือให้สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้สมองปลอดโปร่งขึ้นด้วย อาจเป็นการปลีกตัวนั่งทำสมาธิบ้างก็ยังได้ ช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง และผ่อนคลายความเครียดได้ ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยสมองที่ปลอดโปร่งด้วย – ลงมือแก้ปัญหาอย่างมีสติ หากค้นพบวิธีการแก้ไขแล้วก็ลงมือเสีย อย่าเอาแต่บ่น อย่าเอาแต่ตัดพ้อ เพราะไม่แก้ไขอะไร ทั้งยังอาจสร้างความเครียดให้คนรอบข้างได้อีก – ให้ความหวังและกำลังใจกันและกัน ทั้งในครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่อยู่ใกล้ชิด การได้พูดคุยสื่อสารให้กำลังใจกันและกัน จะสร้างความอดทนและกำลังใจในการแก้ไขปัญหาจนสามารถผ่านพ้นได้ทุกสถานการณ์ เพราะจิตใจมีคุณค่าเหนือกว่าร่างกาย การดูแลจิตใจของตนเองและคนใกล้ชิดให้ดีเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำคือกำลังใจให้แก่กันและกันในยามที่ชีวิตเกิดวิกฤต จับมือกันฝ่าฟันปัญหาในนาวาชีวิตนี้ให้รอดพ้นไปได้ และเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นกับชีวิตมากขึ้นอีกด้วยนะคะ
-
อยากสุขภาพดี.. ต้องทำเอาเองตั้งแต่วันนี้
อยากสุขภาพดี.. ต้องทำเอาเองตั้งแต่วันนี้ การมีสุขภาพที่ดีนั้นความจริงเป็นเรื่องที่ไม่ต้องพึ่งพาเงินทองเลยนะคะ เป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรเสียด้วยซ้ำไป ซึ่งกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพให้ดีได้ก็คือ “การออกกำลังกาย” นั่นเองค่ะ การออกกำลังกายนี้ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เหนื่อยอ่อนง่าย ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม ทำให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ดี ช่วยย่อยอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย ทำให้การไหลเวียนของเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ดี ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ ลดความเครียดทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น บรรเทาอาการซึมเศร้าได้ เยือกเย็นมั่นคงมากขึ้น มีความเชื่อมั่นใจตนเอง และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งการออกกำลังกายที่ประหยัดที่สุดก็คือการวิ่ง (หรือการเดิน) เพราะทำให้ร่างกายได้แข็งแรงแทบทุกส่วน สิ้นเปลืองเงินทองน้อยที่สุด แล้วยังทำให้ปอดได้รับอากาศบริสุทธิด้วย สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนดังต่อไปนี้ – วางแผนการวิ่งหรือการเดินก่อน ว่าวันนี้จะวิ่งกี่นาที ระยะทางกี่กิโลเมตร – เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ระบายเหงื่อและความร้อนได้ดี และรองเท้าที่สามารถรับแรงกระแทกได้ – ก่อนการลงสนามควรวอร์มอัพก่อนสักห้านาที เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อต่าง ๆ ให้พร้อมกับการเคลื่อนไหว – ท่าวิ่งที่ถูกต้องคือต้องตั้งลำตัวให้ตรง หลังไม่งอ ไม่เกร็ง เป็นธรรมชาติ วิ่งน้ำหนักลงที่ส้นเท้าก่อนแล้วถ่ายไปที่ ปลายเท้าอย่างนุ่มนวล ถ้าวิ่งจิกปลายเท้าจะเจ็บหน้าแข้งและหัวเข่า กำมือไว้หลวม ๆ แกว่งแขนช้าเร็วให้สมดุลกับจังหวะเท้า…
-
ใช้ชีวิตอย่างไรไม่เป็นทาสความเครียด
ใช้ชีวิตอย่างไรไม่เป็นทาสความเครียด ความเครียดเป็นภาวะที่ใคร ๆ ก็เคยประสบพบพานกันมาทั้งนั้น แต่เราจะทำอย่างไรจึงจะอยู่ห่างไกลความเครียดและมีคุณภาพจิตที่ดีขึ้นได้ล่ะ วันนี้เรามารู้จักกับความเครียดและวิธีบริหารจัดการความเครียดกันนะคะ ความเครียดนั้นเป็นเรื่องของจิตใจที่มักเกิดความตื่นตัวขึ้นเพื่อพร้อมรับการสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าจะเกินกำลังความสามารถที่จะแก้ไขได้ ทำให้รู้สึกหนักใจ รู้สึกทุกข์ ต่อมาจึงส่งผลให้เกิดความผิดปกติทั้งทางร่างกายและจิตใจตามมา ความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะของคน ๆ นั้น ความเครียดในระดับที่พอดีจะช่วยให้ชีวิตมีความกระตือรือร้นที่จะต่อสู้ฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ในชีวิต และนี่ก็คือข้อดีของความเครียด แต่อย่างไรก็ดี ความเครียดมักสร้างปัญหาให้กับร่างกายและจิตใจมากกว่า เราจึงควรเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการความเครียด ด้วยวิธีคิดที่เหมาะสมได้แก่ 1. บริหารจัดการความคิดให้ยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความเข้มงวดเอาจริงเอาจัง หรือการตัดสินถูกผิดให้น้อยลง รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ลดทิฐิมานะ และรู้จักการให้อภัยชีวิตจะมีความสุขมากขึ้นและมีความเครียดน้อยลงไปด้วย 2. อย่าด่วนเชื่อหรือสรุปอะไรง่าย ๆ คิดอย่างมีเหตุผล ตรวจสอบข้อเท็จจริง ความเป็นไปได้ให้รอบคอบ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกเอาง่าย ๆ 3. มองหลาย ๆ มุม จะทุกข์น้อยลง หัดคิดในมุมของคนอื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา จะช่วยให้มองอะไร ๆ ได้กว้างไกลกว่าเดิม 4. หัดคิดในเรื่องดี ๆ จะทำให้สบายใจมากขึ้น การคิดแต่เรื่องร้าย ๆ หรือความล้มเหลวผิดหวังยิ่งเป็นทุกข์และเครียดมากกว่าเดิม 5.…
-
แค่ดูแลสมองให้ดี ชีวีก็สุขขึ้นได้
แค่ดูแลสมองให้ดี ชีวีก็สุขขึ้นได้ เพราะการใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบันนี้นั้น ประสบกับความเครียดเป็นอันมาก ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากการทำมาหากิน การเงิน หรือปัญหาความสัมพันธ์ และยิ่งเมื่อต้องอยู่ร่วมกับสังคมคนหมู่มากแล้วหลายเรื่องก็ยิ่งชวนให้ประสาทเสียมากยิ่งขึ้นไปอีก การปล่อยให้ตัวเองมีความเครียดนาน ๆ นั้นเป็นการทำลายสมองไปโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเมื่อทำลายสมองก็ยิ่งทำให้เครียดมากยิ่งขึ้น วนเวียนอยู่อย่างนี้ จนสุขภาพกายสุขภาพใจเสื่อมโทรม ดังนี้แล้วเราเริ่มกลับมาดูแลสมอง กันดีกว่านะคะ ความเครียดจะได้ลดลง และสมองของเราจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ ไม่เป็นอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อมในยามแก่ชราด้วย ความสุขนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เพียงบริหารสมองดังต่อไปนี้ 1. หมั่นไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การที่เลือดลมไหลเวียนทั่วร่างกาย และการหายใจที่ถูกวิธีเป็นการบำรุงสมองวิธีหนึ่งที่ได้ผลมาก 2. ฝึกสติ นั่งสมาธิ เจริญสติ ให้โอกาสสมองได้พักผ่อน ด้วยความสงบบ้าง 3. ทานผัก ผลไม้สด และปลอดสารพิษให้มากเข้าไว้ทุกวัน และควรทานเนื้อปลาหรืออาหารทะเลที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้าสามเพื่อบำรุงสมองทุกวันด้วย 4. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เพราะสมองจะทำงานได้ดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการเข้านอนให้พอเพียงด้วย 5. ลองหาอะไรทำ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทำให้สมองตื่นตัวไม่เป็นอัลไซเมอร์ง่าย ๆ 6. ฝึกหัดใช้สมองบ่อยๆ อย่าใช้เครื่องทุ่นแรงมากนัก เช่น คิดเลขด้วยสมอง ด้วยมือ แทนที่จะใช้เครื่องคิดเลข…
-
แก่นแท้แห่งธรรม แก่นแท้แห่งชีวิต
แก่นแท้แห่งธรรม แก่นแท้แห่งชีวิต ด้วยความเครียดและความวุ่นวายที่มีมากในประเทศแถบตะวัน ทำให้เกิดผู้ที่สนใจศึกษาพุทธศาสนามากขึ้น โดยเฉพาะในเล่ม How to get the Buddhahood นั้น ผู้เขียนได้เขียนเจาะจงให้ชาวตะวันตกที่ไม่คุ้นเคยพุทธศาสนาได้เข้าใจหลักธรรมและนำไปประยุกต์ใช้เพื่อขจัดความทุกข์และความเครียด โดยมีวิธีปฏิบัติที่เรียบง่ายเข้าใจง่ายห้าข้อดังต่อไปนี้ 1. หัดควบคุมความคิด ทำจิตใจให้สงบและตามรู้ลมหายใจเข้าออก แม้เพียง 3 ครั้งก็ได้ผล แล้วเฝ้าสังเกตความคิดจรและความรู้สึกที่เกิดขึ้น ขจัดความคิดด้านลบออกไปไม่ว่าจะเป็น ความสงสัย ความเกลียด ความหวาดระแวง ความกลัว ฯลฯ แล้วเสริมสร้างความคิดแง่บวกเข้าไปแทน เช่น ความรัก ความเมตตา โดยอาศัยองค์ประกอบของมรรคแปด 2. อยู่กับปัจจุบัน มีสติรู้ตัวอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เช่น มีสติทุกอิริยาบถ การอยู่กับโลกของความจริงเป็นจะเข้าใจในไตรลักษณ์ เข้าใจการเกิดดับ การพึ่งพาซึ่งกันและกัน เข้าใจว่าทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ 3. เข้าใจการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของสรรพสิ่ง จิตใจจะละจากความยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง ปล่อยการครอบครอง 4. เมื่อเข้าใจความเป็นไตรลักษณ์ ก็จะไม่เข้าครอบครอง เมื่อไม่ครอบครองก็ไม่มีจิตใจที่เห็นแก่ตัว นำไปสู่ความรักความเมตตาต่อผู้อื่น 5. การมีความรักความเมตตาต่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจไร้เงื่อนไข ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่หวังผลตอบแทน…
-
10 วิธีขจัดความเครียด
10 วิธีขจัดความเครียด ความเครียดที่ใครต่อใครก็เป็นกันอยู่นั้น ท่านอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิตเรา แต่ความจริงแล้วหากมีความเครียดที่มากเกินไป อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพเราได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง แผลในกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ โรคอ้วน เบาหวาน หรือฆ่าตัวตาย ตลอดจนเรื่อยจนถึงปัญหากับสังคมรอบข้าง และความจำได้ด้วย ความเครียดจึงเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม แต่ควรหาทางขจัดความเครียดออกไปจะดีกว่าค่ะ 1. หากมีความเครียดที่เกิดจากการต้องไปทำอะไรแปลกใหม่ เช่น การสัมภาษณ์งาน หรือนำเสนอผลงาน ให้ลองนึกภาพเหตุการณ์หรือวางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้มากขึ้น ให้มองเห็นแต่ภาพดี ๆ แต่ความสำเร็จเท่านั้น กับทั้งเตรียมตอบคำถาม แก้สถานการณ์ไว้ด้วย 2. มองด้านดีของปัญหา จะทำให้สบายใจได้มากขึ้น 3. ลองวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าหากมีเหตุการณ์ด้านลบเกิดขึ้นจะทำอะไรกับชีวิต เช่น บริษัทปลดออกจากงาน เป็นต้น 4. เวลาสมองเกิดความตึงเครียดให้ใช้วิธีหายใจเข้าออกลึก ๆ 5. สร้างอารมณ์ที่ดีขึ้นด้วยการเปลี่ยนความคิดจากความเครียดหรือเรื่องที่ไม่สบายใจอย่างฉับพลันไปเป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุข เช่น มองดูภาพสัตว์เลี้ยง หรือลูก ๆ หรือเด็กทารกที่ทำให้อารมณ์ดี 6. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อดู เพราะความเครียดมากทำให้เราเกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่รู้ตัว ค่อย ๆ ไล่ผ่อนคลายไปทีละส่วน ๆ 7. การออกกำลังกายให้เหงื่อออกช่วยลดความเครียดได้…
-
เทคนิคช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ
เทคนิคช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ หากท่านเคยมีอาการนอนไม่หลับ หรือตื่นมาแล้วไม่สดชื่นเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม กระสับกระส่าย กว่าจะหลับได้ก็นาน หรือตื่นกลางดึกบ่อย ๆ แล้วนอนหลับต่อได้ยาก ทั้งหมดนี้เข้าข่ายอาการนอนไม่หลับได้ทั้งนั้น อาจเกิดในระยะสั้นหรือไม่เกินสองอาทิตย์ ตลอดจนเกินเป็นเดือนได้ หากไม่รีบแก้ไขอาจรบกวนการใช้ชีวิต และสร้างปัญหาให้กับสุขภาพของคุณด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด โรคหัวใจ โรคซึมเศร้า และโรคอ้วน ซึ่งสาเหตุที่พบได้มากที่ทำให้นอนไม่หลับ ก็ได้แก่ การใช้โทรศัพท์มือถือก่อนนอน การดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ การใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป รวมไปถึงความเครียดในการทำงาน ล้วนเป็นสาเหตุสำหคัญที่ทำให้นอนไม่หลับได้ทั้งสิ้น เราจึงควรปรับปรุงการนอนหลับเพราะการนอนหลับได้ลึกอย่างมีคุณภาพจะมีผลต่อความเป็นอยู่และสุขภาพ ช่วยลดความดัน ลดความเครียด รักษาน้ำหนักตัวและปริมาณไขมันในร่างกายให้อยู่ในมาตรฐานได้ง่ายขึ้น การนอนหลับยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ ทำให้ร่างกายสดชื่นมีพลัง การจดจำและประสิทธิภาพของสมองดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้อีกด้วยค่ะ วิธีหนึ่งก็คือการทานอาหารที่ทำให้หลับง่าย ได้แก่ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชไม่ขัดสี เพราะมีวิตามินบีที่ช่วยในการนอนหลับ ในช่วงเย็นให้กินแต่พอดี อย่ากินอาหารที่มีแก๊สมาก พวก หัวหอม ถั่ว กะหล่ำปลี หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มที่ทำให้ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก อย่าใช้เตียงเพื่ออ่านหนังสือ นอนเล่น หรือดูทีวี ควรใช้เพื่อการนอนเท่านั้น อีกทั้งควรลุกจากเตียงทันทีที่นอนไม่หลับ เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา ไม่ควรงีบหลับในเวลากลางวันด้วย การจัดห้องนอนและพื้นที่สำหรับนอนหลับก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน…
-
จัดการความเครียดให้อยู่หมัดใน 4 วิธี
จัดการความเครียดให้อยู่หมัดใน 4 วิธี แทบทุกคนต่างก็ต้องเผชิญกับความเครียดได้ทั้งสิ้น หากไม่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงหรือตั้งรับให้ดีแล้ว ความเครียดก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคกระเพาะอาหาร โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ ฯลฯ ซึ่งความเครียดนี้เกิดได้หลายปัจจัยทั้งทางด้านการเงิน การงาน ความสัมพันธ์ สุขภาพ และปัญหาอื่น ๆ การจัดการความเครียดนั้นทำได้หลายแบบ และสี่วิธีนี้คือหนึ่งในวิธีที่ดี 1. หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือบุคคลที่ทำให้เราเครียด ด้วยการรู้จักปฏิเสธ เลี่ยงการเผชิญหน้า ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับผู้ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน แล้วเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำในชีวิต 2. เปลี่ยนสิ่งที่ทำให้เครียด ด้วยการบอกความรู้สึกของเราต่อผู้ที่ทำให้เราเครียดด้วยความนุ่มนวล หรือการปรับเปลี่ยนตนเองที่เป็นสาเหตุทำให้คนอื่นเครียด จัดสรรเวลาทำงานให้ดีขึ้น เพราะการทำงานหนักหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ จนยุ่งทั้งวันนั้นไม่ใช่เรื่องดี จะทำให้เหนื่อยล้าเกินไปและเกิดความเครียดได้ง่ายขึ้นด้วย 3. ปรับตัวให้เข้ากับความเครียด ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ลองปรับเปลี่ยนตัวเองให้ยอมรับหรือเปลี่ยนทัศนคติหรือความคาดหวังจากเดิมไปบ้าง มองปัญหาในมุมใหม่ มองในด้านดี ลดมาตรฐานลง คนที่อยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบมักจะเครียดง่ายและทำให้คนอื่นเครียดไปด้วย 4. ยอมรับความเครียด หากหนี ปรับเปลี่ยนหรือควบคุมสาเหตุของความเครียดบางอย่างไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ภาวะการเงินตกต่ำ หรืออุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง วิธีนี้ทำได้ยากที่สุด แต่ดีที่สุดในทุกวิธีที่บอกมา รวมไปถึงการให้อภัยทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลดความขุ่นเคืองและลดความเครียดลงได้ จนสามารถมองเห็นทางออกของปัญหาได้ด้วย…
-
อร่อยปาก…ลำบากพุง !!!
อร่อยปาก…ลำบากพุง !!! อาหารอร่อย ๆ นั้นทุกคนไม่ว่าใครก็ชอบกิน เพราะอาหารอร่อยทำให้ผู้ทานรู้สึกมีความสุข คลายเครียดได้ หลายคนที่มีความเครียด หรือความกดดันจากชีวิตด้านอื่นมักจะเลือกการกินเพื่อบรรเทาความเครียดในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่ถูกปากที่ถูกปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ กลิ่นหอมที่ได้กลิ่นเมื่อไรก็น้ำลายสอ ความอร่อย หวานหอม สดชื่นจากเครื่องดื่ม และบรรยากาศดี ๆ ในร้านอาหารก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากกินบ่อย ๆ เมื่อเป็นแบบนี้นาน ๆ เข้า ความอ้วนและน้ำหนักเกินก็มาเยือน ยิ่งถ้าไม่ค่อยมีเวลาได้ออกกำลังกายมากขึ้น การมีโรคเรื้อรังก็ตามมา และนับวันปัญหาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งในประเทสสหรัฐอเมริกาแล้ว อาหารที่ประชากรในประเทศทานก็ยิ่งเอื้อให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งทอด เนื้อแดงชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไส้หรอก หมูแฮม เบคอน อาหารขยะต่าง ๆ รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่คนอเมริกันทำนั้นก็ไม่ค่อยจะทำให้มีให้มีสุขภาพดีเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง ๆ นอนๆ ดูทีวี หรือนอนน้อย เหล่านี้ทำให้ชาวอเมริกันประสบปัญหากับโรคอ้วนมากขึ้น แม้แต่คนไทยเองที่เริ่มกินเนื้อสัตว์มากกว่ากินข้าวและผัก ดื่มน้ำอัดลม ชาเย็น ของทอดน้ำมัน และอาหารปรุงแต่งมากขึ้น กินผักผลไม้น้อยลง นั่ง…
-
รู้จักกับ…โรคอัมพาตบนใบหน้า
รู้จักกับ…โรคอัมพาตบนใบหน้า โรคอัมพาตบนใบหน้านี้นั้น มีสาเหตุมาจากเส้นประสาทที่คู่ที่ 7 ที่เลี้ยงใบหน้า ไม่ทำงานชั่วคราว กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าจึงขยับเขยื้อนไม่ได้ครึ่งซีก เกิดเป็นอัมพาต เกิดจากการอักเสบของเส้นประสาท หรือเกิดจากอาหารที่มาหล่อเลี้ยงเส้นประสาทคู่นี้ลดลง จึงเกิดการเกร็งตัวของหลอดเลือด ทั้งอาการขาดเลือดและขาดอาหารจึงทำให้เกิดการอักเสบบวมของเส้นประสาทได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาทคู่ที่ 7 นั้นยังไม่ทราบแน่นอน สันนิษฐานว่าเกิดจากปัจจัยกระตุ้นเช่น บางคนเกิดหลังจากตากลม หรือกระทบความเย็น บางคนเคยได้รับการผ่าตัดใบหน้ามาก่อน บางคนก็พักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดความเครียด มีโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง หรือมีการอักเสบบริเวณใบหูอยู่ รวมไปถึงการติดเชื้อไวรัสจำพวก เชื้อเริม งูสวัด อีสุกอีกใส เหล่านี้ทำให้เกิดโอกาสเป็นโรคนี้ได้ง่าย อาการของโรคนั้น มักจะเกิดอย่างเฉียบพลัน ตื่นมาก็เห็นปากเบี้ยวไปข้างหนึ่ง เวลากลืนน้ำหรือบ้วนปากจะมีน้ำไหลที่มุมปาก ยิ้มหรือยิงฟันแล้วมุมปากตก ตาปิดไม่สนิท ยักคิ้วไม่ขึ้น ลิ้นชาและรับรสไม่ได้ข้างเดียว บางรายอาจมีอาการปวดหู และหูอื้อ แต่ผู้ป่วยก็มีความรู้สึกตัวดี แขนขามีแรงปากติ ผู้ป่วยมักอาการปวดใบหน้าหรือปวดหลังหูข้างนั้นก่อนที่เป็นอัมพาตประมาณ 2-3 วัน ในด้านของการรักษาเพื่อให้ได้ผลอย่างรวดเร็ว แพทย์จะใช้ยาสเตียรอยด์ ยาเม็ดชื่อ เพร็ดนิโซโลนในขนาดที่สูง การให้ยานี้ในช่วงเวลา 4 วันแรกเชื่อว่าจะทำให้อาการอัมพาตหายได้เร็วขึ้น แต่หากเป็นการให้ยาในระยะท้ายแล้ว 4-7 วันอาจได้ผลไม่แน่นอน ส่วนยาต้านไวรัสยังเป็นความเชื้อทางทฤษฎีเพราะถ้าใช้ยาเพียงตัวเดียวยังไม่ได้ผลชัดเจนเมื่อเทียบกับสเตียรอยด์ โรคอัมพาตใบหน้านี้จะมีอาการดีขึ้น…