เอดส์ AIDS & เอชไอวี HIV

มี SEX ระหว่างมีรอบเดือนได้หรือไม่?

โพสเมื่อ : 29 August 2014 | No Comments

มี SEX ระหว่างมีรอบเดือนได้หรือไม่? ปัจจุบันนี้มีสตรีวัยรุ่นและวัยทำงานบางส่วนมีความเชื่อว่า การมีเซ็กซ์ระหว่างมีรอบเดือนนั้นจะสามารถป้องกันการมีบุตรได้ คุมกำเนิดไปได้ในตัว แถมเลือดยังช่วยหล่อลื่นได้ด้วย แต่ความจริงแล้วนี่เป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงนะคะ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างการมีรอบเดือนนั้นจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เพิ่มโอกาสการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น พยาธิในช่องคลอด หนองใน หูดหงอนไก่ มากเป็นสามเท่ากว่าเวลาที่ไม่มีรอบเดือน เพราะในช่วงนี้ปากมดลูกจะเปิดออก ทำให้ได้รับเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ เข้าสู่โพรงมดลูกได้ง่าย อีกทั้งเลือดประจำเดือนเองยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเชื้อหนองในได้ดีด้วย การที่เยื่อบุโพรงมดลูกลอกหลุดนี้เองทำให้เชื้อสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้มากขึ้น เชื้อจึงลุกลามได้ง่าย สามารถเกิดการอักเสบได้จนถึงภายหลังการหมดรอบเดือนไปแล้ว 1-2 สัปดาห์ และที่ควรระวังมากก็คือ การติดเชื้อเอดส์ด้วย เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างมีเลือดหรือสารคัดหลั่งออกมา การติดเชื้อเอชไอวีจะเพิ่มสูงขึ้นทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง นอกจากเชื้อเอชไอวีแล้วก็ยังมีเชื้อเริมที่ปกติก็ติดต่อได้ง่ายอยู่แล้ว

ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต

โพสเมื่อ : 22 August 2014 | 148 Comments

ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ทุกปีจะมีคนเสียชีวิตจากอาการอัมพาตถึงกว่าปีละหกล้านคน มากกว่าการตายจากโรคเอดส์ วัณโรคและมาเลเรียรวมกันเสียอีก เฉพาะในประเทศไทยเองมีคนตายจากโรคหลอดเลือดสมองโดยเฉลี่ยถึงวันละเกือบ 40 ราย หากคุณไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น ก็ควรมาทำความรู้จักกับโรคนี้และหาวิธีป้องกันไว้ก่อนดีกว่า โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองนี้เป็นโรคที่เกิดจากการที่สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ทำให้สูญเสียการควบคุมการทำงานของร่างกาย แบ่งออกเป็นหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน และอีกชนิดก็คือหลอดเลือดสมองแตก ผู้ที่มีความเสี่ยงมากก็จะเป็นในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มีกรรมพันธ์เป็นโรคหลอดเลือดสมอง กลุ่มคนอ้วน ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย รวมไปถึงผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำและผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมานี้ควรใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น จะป้องกันได้กว่าร้อยละ 80 ควรปฏิบัติตามดังต่อไปนี้ 1. ควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเกินมาตรฐาน โดยให้มีค่าดัชนีมวลกายอยู่ที่ 18.5-22.9

การตรวจร่างกายก่อนแต่งงาน แพทย์จะตรวจอะไรบ้าง?

โพสเมื่อ : 14 August 2014 | 1 Comment

การตรวจร่างกายก่อนแต่งงาน แพทย์จะตรวจอะไรบ้าง? การเตรียมตัวไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลก่อนสมรสนั้น โรงพยาบาลแทบทุกแห่งล้วนมีบริการนี้ทั้งสิ้น ซึ่งนอกจากตรวจสุขภาพ โรคติดต่อต่าง ๆ ทางเพศสัมพันธ์แล้วก็ยังให้คำแนะนำในการเตรียมตัวมีบุตรด้วย แล้วขั้นตอนการตวจเข้ามีอะไรบ้าง มาดูกันนะคะ การตรวจสุขภาพก่อนสมรสนั้น คุณผู้หญิงทั้งหลายไม่ต้องกลัวไปค่ะ ไม่ใช่ว่าไปพบหมอสูตินรีแพทย์แล้วจะต้องโดนตรวจภายในทุกครั้ง แต่เขาจะตรวจสุขภาพว่ามีความแข็งแรงขนาดไหนเท่านั้นเอง จะมีการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน เจาะเลือด หาความเข้มข้มของเลือดและภาวะเลือดจางด้วย ซึ่งในส่วนของผู้ที่ภายในครอบครัวมีประวัติเลือดจางมาก่อนก็จะได้รับการตรวจ Haemoglobin typing นอกจากนี้แล้วก้๗มีการตรวจดูหมู่โลหิต ดูว่าเป็นกลุ่ม Rh ใด มีลักษณะของเม็ดเลือดขาว น้ำตาลในเลือดหรือมีเชื้อเลือดบวกซิฟิลิสหรือเอดส์ด้วยหรือไม่ ตรวจภูมิคุ้มกันเชื้อหัดเยอรมัน เชื้อไวรัสตับอักเสบบี

เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เอดส์ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งควบคุมได้

โพสเมื่อ : 30 July 2014 | 3 Comments

เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เอดส์ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งควบคุมได้ แม้ว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อเอดส์และเสียชีวิตจากโรคเอดส์จะเริ่มลดลงแล้วตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา แต่ปัจจุบันนี้กลับพบว่ากลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 21 ปี กลับมีการติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นชายรักชาย และกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ทั้ง ๆ ที่การป้องกันโรคเอดส์นั้นก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่เพราะความประมาท ความคึกคะนอง ความมึนเมา และความคิดว่าเอดส์เป็นเรื่องไกลตัว กลับเป็นความคิดอันตรายที่ทำให้เกิดผู้ติดเชื้อเอดส์มากขึ้น การมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่หากจะมีเพศสัมพันธ์ให้ปลอดภัยและมีความสุขอย่างเต็มที่แล้ว การใช้ถุงยางอนามัยก็เป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ป้องกันการติดเชื้อเอดส์ได้ แล้วยังป้องกันการท้องไม่พึงประสงค์ สมัยนี้ถุงยางอนามัยถูกผลิตมาให้มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น การใช้ถุงยางจึงเป็นการเพิ่มสุขได้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้แล้วการป้องกันเอดส์ที่ดีก็คือ ไม่ควรใช้เข็มฉีดยาและกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้อื่นด้วย

หลากหลายวิธีป้องกันตนเองจากโรคทางเดินหายใจ

โพสเมื่อ : 25 July 2014 | No Comments

หลากหลายวิธีป้องกันตนเองจากโรคทางเดินหายใจ อาการโรคทางเดินหายใจมีหลายโรคค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ ฯลฯ เราสามารถหลีกเลี่ยงโรคเหล่านี้ได้ด้วยการดูแลตนเองดังต่อไปนี้ 1. รักษาร่างกายให้อบอุ่นเสมอ ไม่ควรเล่นน้ำหรือแช่น้ำนาน ๆ สวมใส่เสื้อผ้าที่แห้งสนิท ไม่เปียกชื้อ หากเข้าหน้าหนาวควรสวมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น 2. หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยไข้หวัด หรือผู้ที่ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชูหรือผ้าปิดปากหากต้องคลุกคลีหรือเข้าใจผู้เป็นโรคชนิดนี้อยู่ และไม่ควรใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน 3. ในช่วงที่มีโรคทางเดินหายใจระบาด ควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์เช็ดมือ 4. ในเด็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัวและผู้ที่อายุมากว่า

ทำความรู้จักกับ…ไวรัสตับอักเสบซี

โพสเมื่อ : 18 July 2014 | 1 Comment

ทำความรู้จักกับ…ไวรัสตับอักเสบซี ส่วนใหญ่แล้วคนไทยมักจะคุ้นเคยกับโรคไวรัสตับอักเสบเอ และบี กันมากกว่า โรคไวรัสตับอักเสบซีนะคะ ความจริงแล้วโรคนี้เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยในปัจจุบันเลยทีเดียว มีผู้ที่ติดเชื้อนี้ไปแล้วกว่า แปดแสนคน ซึ่งเกือบทั้งหมดจะอยู่ในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดผ่านเข็มร่วมกับผู้อื่น เชื้อไวรัสตับอักเสบซีนี้จะอยู่ในเลือดและน้ำคัดหลั่งส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ติดต่อสู่ผู้อื่นคล้ายโรคไวรัสตับอักเสบบีและเอดส์ ผู้ที่มีกลุ่มเสี่ยงก็ได้แก่ กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดที่ใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น การสักหรือการเจาะผิวหนัง การฝังเข็ม การใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ หรือติดต่อจากการทำฟัน รวมไปถึงเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกก็ด้วย ส่วนมากมักจะติดต่อกันทางเลือดมากกว่าทางเพศสัมพันธ์ อาการของไวรัสตับอักเสบซีนี้จะมีอาการ ตัวเหลือง ดีซ่าน ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม

ตระหนักถึงอันตรายจากวัณโรค

โพสเมื่อ : 14 July 2014 | 1 Comment

ตระหนักถึงอันตรายจากวัณโรค    แม้ทุกวันนี้วิทยาการต่าง ๆ จะก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว แต่วัณโรคก็ยังเป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาของสาธารณสุขทั่วโลกอยู่ดี นั่นเป็นเพราะมีสาเหตุมาจากการระบาดของโรคเอดส์ ความยากจน การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการย้ายถิ่นฐานของประชากร วัณโรคจึงมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจากการคาดการณ์นั้นประเทศไทยมีผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้นถึงปีละกว่าแสนรายเลยทีเดียว วัณโรค มีต้นเหตุมาจากเชื้อที่ชื่อว่า Mycobacterium tuberculosis มีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องดูได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น มักติดเชื้อได้กับอวัยวะทุกส่วนแต่ที่เป็นปัญหาและพบได้บ่อยที่สุดก็คือส่วนของปอดนั่นเอง สามารถติดต่อกันได้โดยเมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม จะมีเชื้อออกมาปะปนกับละอองของเสมหะหรือน้ำลาย เมื่อผู้ที่อยู่คลกคลีใกล้ชิดสูดหายใจเข้าไปก็จะทำให้เกิดติดเชื้อวัณโรคได้ โดยผู้ป่วยวัณโรคจะสามารถแพร่กระจายเชื้อออกไปสู่ผู้อื่นได้ถึง 10-15 คนเลยเชียว! อาการที่เป็นที่สังเกตของวัณโรคก็คือ จะไอติดต่อกันถึงสองอาทิตย์ขึ้นไป มีไอออกมากับเสมหะ ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก น้ำหนักลด เบื่ออาหาร และมักมีไข้ตอนบ่าย

ป้องกันภัยจาก…วัณโรค

โพสเมื่อ : 14 July 2014 | No Comments

ป้องกันภัยจาก…วัณโรค วัณโรค เป็นโรคติดต่อโรคหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเมื่อรับเชื้อมาแล้วจะยังไม่แสดงอาการทันทีทันใด และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเพราะผลกระทบจากโรคเอดส์ด้วย วัณโรคนี้สามารถแพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปสู่คนอื่น ๆได้ด้วยการหายใจ จากผู้ป่วยที่มีเชื้อเสมหะอยู่ ไม่ว่าจะโดยการไอ จาม พูด โดยไม่ยอมปิดปากปิดจมูก เชื้อวัณโรคจะอยู่ในละอองที่ออกมาจากตัวผู้ป่วยและลอยอยู่ หากผู้ที่อยู่ใกล้หายใจเอาละอองฝอยนี้เข้าไปก็จะติดเชื้อวัณโรคและอาจป่วยเป็นวัณโรคได้ ผู้ที่รับเชื้อวัณโรคไม่จำเป็นต้องเป็นวัณโรคทุกคน เพราะทุกคนจะมีภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคอยู่ เชื้อนั้นอาจถูกกำจัดออกไปด้วยภูมิคุ้มกันในร่างกาย แต่เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ ก็จะเจ็บป่วยเป็นวัณโรค พบว่าผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ที่ทานยากดภูมิจะมีโอกาสเป็นวัณโรคได้มากกว่าคนทั่วไป วัณโรคนั้นสามารถเป็นได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกายได้ แต่ที่พบและเป็นปัญหามากที่สุดก็คือวัณโรคปอด อาการเริ่มต้นนั้นจะมีอาการไอติดต่อกันนานเกินกว่าสองอาทิตย์ รวมทั้งอาจมีอาการอื่นด้วยอาทิเช่น ไอมีเสมะเหลืองเขียว หรือมีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก เป็นไข้

รู้จักกับ…โรคอัมพาตบนใบหน้า

โพสเมื่อ : 10 July 2014 | No Comments

รู้จักกับ…โรคอัมพาตบนใบหน้า โรคอัมพาตบนใบหน้านี้นั้น มีสาเหตุมาจากเส้นประสาทที่คู่ที่ 7 ที่เลี้ยงใบหน้า ไม่ทำงานชั่วคราว กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าจึงขยับเขยื้อนไม่ได้ครึ่งซีก เกิดเป็นอัมพาต เกิดจากการอักเสบของเส้นประสาท หรือเกิดจากอาหารที่มาหล่อเลี้ยงเส้นประสาทคู่นี้ลดลง จึงเกิดการเกร็งตัวของหลอดเลือด ทั้งอาการขาดเลือดและขาดอาหารจึงทำให้เกิดการอักเสบบวมของเส้นประสาทได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาทคู่ที่ 7 นั้นยังไม่ทราบแน่นอน สันนิษฐานว่าเกิดจากปัจจัยกระตุ้นเช่น บางคนเกิดหลังจากตากลม หรือกระทบความเย็น บางคนเคยได้รับการผ่าตัดใบหน้ามาก่อน บางคนก็พักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดความเครียด มีโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง หรือมีการอักเสบบริเวณใบหูอยู่ รวมไปถึงการติดเชื้อไวรัสจำพวก เชื้อเริม งูสวัด อีสุกอีกใส เหล่านี้ทำให้เกิดโอกาสเป็นโรคนี้ได้ง่าย อาการของโรคนั้น มักจะเกิดอย่างเฉียบพลัน

โรคสะเก็ดเงิน สาเหตุและการรักษา

หน้า 1 ทั้งหมด 4 หน้า1234