ความดันโลหิตสูง

อย่าหลงเชื่อ…กาแฟลดน้ำหนัก

โพสเมื่อ : 2 July 2014 | No Comments

อย่าหลงเชื่อ…กาแฟลดน้ำหนัก เดี๋ยวนี้มีโฆษณาจำหน่ายกาแฟที่ดื่มแล้วช่วยให้รูปร่างผอมเพรียวได้มาขายกันหลายยี่ห้อเลยนะคะ ถึงแม้กาแฟจะมีผลช่วยให้ระดับการเผาผลาญในร่างกายเพิ่มมากขึ้นบ้าง แต่หากดื่มเป็นประจำ คาเฟอีนในกาแฟอาจมีผลต่อการเส้นของหัวใจมากกว่า จากข้อมูลของศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมตาบอลิค โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ระบุว่า แม้กาแฟนจะมีส่วนเพิ่มระดับการเผาผลาญได้แต่ก็มิได้มากพอที่จะทำให้ร่างกายผอมลง แต่การดื่มมากเกินไปกลับทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะจนเป็นอันตราย อีกทั้งครีมเทียมและน้ำตาลที่ผสมในกาแฟยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน อีกทั้งแต่ละซองยังให้พลังงานมากนอกจากไม่ผอมแล้วยังอาจทำให้อ้วนขึ้นได้อีก หรือต่อให้ดื่มกาแฟดำที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือครีมเทียมก็ช่วยยกระดับการเผาผลาญได้นิดหน่อย แต่ก็ไม่ควรดื่มมากอยู่ดีเพราะคาเฟอีนอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ นอกจากนี้แล้ว องค์การอาหารและยาหรือ อย. ของประเทศไทยเรายังได้ตรวจพบว่าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปลดความอ้วนที่ไม่มีฉลากภาษาไทยหลายยี่ห้อนั้น อย.ไม่อนุญาตให้ระบสรรพคุณว่าลดความอ้วนได้ อีกทั้งหากดื่มเข้าไปมาก ๆ จะทำให้หน้ำหนักเพิ่มได้ด้วยน้ำตาลหรือครีมและนมในกาแฟนั้น ๆ รวมไปถึงหัวใจยังทำงานหนักเนื่องจากได้รับคาเฟอีนมากเกินไป รวมไปถึงกาแฟบางยี่ห้อยังลักลอบใส่สารอันตรายไว้ในกาแฟด้วย อย่างเช่น ยาไซบูตรามีน ที่มีผลให้ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง

เทคนิคการผ่อนคลายความเครียดแบบง่าย ๆ

โพสเมื่อ : 27 June 2014 | 7 Comments

เทคนิคการผ่อนคลายความเครียดแบบง่าย ๆ เดี๋ยวนี้การใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันสร้างความเครียดและความวิตกกังวลให้เราแทบจะทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่วัยเด็ก วัยเรียน วัยรุ่น วัยทำงาน มีครอบครัว จนถึงวัยชรา เรามีความเครียดกันตั้งแต่ระดับเล็ก ๆ จนถึงระดับใหญ่ ๆ ที่สร้างผลกระทบต่อร่างกาย ความเครียดไม่ได้สร้างปัญหาทางจิตใจเท่านั้นแต่ยังสร้างปัญหาต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะเมื่อเครียดก็มักนอนไม่หลับ พาลทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำ ป่วยง่ายหายยาก ขาดสมาธิ และพัฒนาไปสู่โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ จนทำให้เสียชีวิตได้ ความเครียดจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว หากรู้ตัวว่าเริ่มเครียดขึ้นมาแล้ว ซึ่งจะสามารถเห็นได้จากอาการดังนี้ ไม่ว่าจะเป็น อาการวิงเวียนศีรษะ มึนงง เบื่ออาหาร

มาวิ่งจ๊อกกิ้งกันเถอะค่ะ !!!

โพสเมื่อ : 27 June 2014 | No Comments

มาวิ่งจ๊อกกิ้งกันเถอะค่ะ !!! ช่วงเวลาที่อากาศดี ๆ ฝนไม่ตกเท่าไรอย่างระยะปลายหน้าฝนเข้าสู่หน้าหนาวนี้ ตามสนามกีฬากลางแจ้งมักจะพบนักวิ่งที่พากันวิ่งออกกำลังกาย หลังจากอัดอั้นกันมากในฤดูฝนที่ฝนตกเฉอะแฉะจนไม่ได้ออกกำลังกายกันเลย การวิ่งจ๊อกกิ้งนั้นเป็นกีฬาที่แทบไม่ต้องมีต้นทุนอะไรเลย นอกจากรองเท้าดี ๆ สักคู่หนึ่งแล้ว แต่กลับเป็นกีฬาที่ให้ประโยชน์มากมาย ช่วยป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคไต อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน โรคอ้วน ฯลฯ ดังนั้นแล้วก่อนที่สุขภาพจะแย่เพราะไปรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงมากเกินไป จึงควรหันมาออกกำลังกายกันดีกว่าค่ะ แม้ในระยะแรก ๆ จะเหนื่อยมากกับการวิ่ง อาจต้องวิ่งไปเดินไปอยู่บ้าง แต่เมื่อหัดวิ่งไปมาก

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป

โพสเมื่อ : 26 June 2014 | No Comments

โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ คือโรคที่รักษาหายได้ยากหรือรักษาได้ไม่หายขาด ได้แก่โรคในกลุ่ม ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด เบาหวาน และโรคมะเร็ง ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยโรคเหล่านี้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุของโรคเหล่านี้เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป ไม่ว่าจะเป็น การชอบกินอาหารรสชาติหวานจัด ไขมันสูง หรือเค็มจัด การขาดการออกกำลังกาย ชอบดื่มเหล้าสูบบุหรี่ และชอบสะสมความเครียดด้วย คนที่มีน้ำหนักเกินจนอ้วนลงพุงนั้น จะมีไขมันสะสมในช่องท้องมาก โดยไขมันเหล่านี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ ขัดขวางการทำงานของอินซูลินจึงเกิดผลร้ายกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เมื่อมีไขมันในหลอดเลือดก็จะทำให้หลอดเลือดเสื่อมตัวลง เกิดเป็นโรคหลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจ ทำให้ไตวาย หัวใจวาย จนเป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์และเสียชีวิตได้

รู้ทันอาการสมองขาดเลือดด้วย FAST

โพสเมื่อ : 26 June 2014 | No Comments

รู้ทันอาการสมองขาดเลือดด้วย FAST ในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง หรืออัมพฤกษ์อัมพาตมากถึงปีละกว่าหกล้านคน แม้แต่ในประเทศไทยเอง ก็มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ถึง 3 คนทุก ๆ 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว แล้วยังมีแนวโน้มที่จะทวีจำนวนและอัตราเร็วมากขึ้นทุกปีอีกด้วย ผู้ที่มีความเสี่ยงกับอาการสมองขาดเลือดนี้ได้แก่ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไม่ยอมออกกำลังกาย อ้วนน้ำหนักเกิน สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมไปถึงผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเคยป่วยด้วยโรคนี้ ดังนั้นจึงควรหัดสังเกตอาการสมองขาดเลือดชั่วคราวดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ใบหน้าอ่อนแรง หรือแขน ขา อ่อนแรงซีกเดียว 2.

วิธีสังเกตสัญญาณเตือนภัย…โรคหลอดเลือดสมอง

โพสเมื่อ : 26 June 2014 | No Comments

วิธีสังเกตสัญญาณเตือนภัย…โรคหลอดเลือดสมอง  เพราะเหตุที่คนไทยมีภาวะโภชนาการล้นเกิน และวิธีการใช้ชีวิตก็เอื้อให้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากขึ้น คนไทยจึงมีสถิติการเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาตมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกปีด้วย โดยโรคหลอดเลือดสมองนี้แม้จะไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เกิดโรค ไม่ว่าจะเป็น ภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ยิ่งในผู้ที่มีอายุเกิน 45 ปีขึ้นไปก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก อาการอัมพาตนั้นมักจะมีอาการเตือนก่อนเกิดโรคเสมอ และการรักษาจะได้ผลก็ต้องเมื่อผู้ป่วยรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อพบว่าตนเองมีอาการดังต่อไปนี้เพียงข้อใดข้อหนึ่งแล้วแม้จะมีร่างกายที่แข็งแรงอยู่ ก็ควรปรึกษาไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด จะทำให้โอกาสการเสียชีวิตหรือพิการลดลงไปมากได้นั่นเอง การสังเกตอาการเตือนภัยของโรคหลอดเลือดสมอง

ทานอาหารดี ๆ หลีกเลี่ยงอาการอัมพาต

โพสเมื่อ : 26 June 2014 | No Comments

ทานอาหารดี ๆ หลีกเลี่ยงอาการอัมพาต ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจต่าง ๆ รวมไปถึงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นต้นเหตุของการอัมพาตได้ทั้งหมด ดังนั้นการแก้ไขตั้งแต่ต้นเหตุก็คือเราควรเลือกทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้ จึงจะเป็นการป้องกันอาการอัมพาตได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งควรเลือกทานอาหารตามเคล็ดลับดังต่อไปนี้ค่ะ – หากเป็นคนที่มีน้ำหนักร่างกายเกินมาตรฐาน ควรทานอาหารพวก ข้าว แป้ง น้ำตาล ให้น้อยลง ลดการดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้หวาน ๆ หลีกเลี่ยงน้ำชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะเร่งให้เกิดโรคเบาหวานได้ง่าย ส่วนผลไม้ก็เลือกทานชนิดที่ไม่มีน้ำตาลมากนัก เช่น ฝรั่ง

อาการความดันโลหิตสูง…ต้นเหตุสารพัดโรค

โพสเมื่อ : 23 June 2014 | No Comments

อาการความดันโลหิตสูง…ต้นเหตุสารพัดโรค ความดันโลหิต หมายถึง แรงดันของโลหิตที่เกิดจากหัวใจทำการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งแบ่งออกเป็นสองค่า ก็คือค่าความดันขณะที่หัวใจบีบตัว (ตัวบน) และค่าความดันขณะที่หัวใจคลายตัว (ตัวล่าง) โดยปรกติคนทั่วไปจะมีค่าความดันโลหิตอยู่ที่ 120/80 มม.ปรอท แต่หากความดันโลหิตเกินกว่า 140/90 ขึ้นไป ถือได้ว่าเข้าข่ายเป็นโรค “ความดันโลหิตสูง” ซึ่งควรใส่ใจดูแลตนเองให้มาก ป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงขึ้นและโรคอื่น ๆ ที่จะตามมาทั้งโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง เกิดได้หลายกรณี ไม่ว่าจะเป็น หลอดเลือดมีการหดตัวผิดปกติ การสะสมของไขมันบริเวณผนังหลอดเลือด หรือการสะสมน้ำและเกลือแร่ในร่างกายมากเกินไป ฯลฯ

ดูแลหัวใจของคุณ…ให้ดีนะ

โพสเมื่อ : 23 June 2014 | No Comments

ดูแลหัวใจของคุณ…ให้ดีนะ โรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งก็คือโรคหัวใจนั่นเองค่ะ แล้วก็ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งในประเทศไทยนั้นมีคนตายจากกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด ทั้งโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมองและความดันโลหิตสูง ฯลฯ และแต่ละปียังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่ากลัวอีกด้วยค่ะ ซึ่งสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้น เกิดจากการที่ผนังด้านในของหลอดเลือดมีไขมันมาพอกตัวจนหนาขึ้น หลอดเลือดจึงขาดความยืดหยุ่น แข็งตัวขึ้น การไหลเวียนของเลือดจึงลดลง จึงทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง รวมไปถึงการสูบบุหรี่และสูดควันจากผู้อื่น การดื่มเหล้าและมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานก็เป็นสาเหตุด้วยเช่นกัน และเพื่อหัวใจที่จะมีสุขภาพแข็งแรงไปนาน ๆ เราจึงควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ – ทานโปรตีนที่ไขมันต่ำ ทั้งเนื้อปลาและถั่ว ทานปลาและผลไม้รสไม่หวานให้บ่อย ๆ – อย่าทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและอาหารสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของโซเดียม(เกลือ) มากนัก

หลีกเลี่ยงโซเดียมในอาหาร หลีกห่างได้หลายโรค

โพสเมื่อ : 23 June 2014 | No Comments

หลีกเลี่ยงโซเดียมในอาหาร หลีกห่างได้หลายโรค บรรดาอาหารที่มีรสเค็มจัดทั้งหลายล้วนมีส่วนประกอบของโซเดียมทั้งสิ้น รวมไปถึงอาหารที่ไม่มีรสเค็มแต่มีโซเดียมอย่าง ผงฟู ชูรส เนยเทียม น้ำสลัดต่าง ๆ ก็ด้วยนั้น สร้างปัญหาต่อสุขภาพได้เช่นกันหากบริหารมากเกินพอดี และมีความเสี่ยงทำให้เป็นโรคความดันโลหิตได้ง่าย ทั้งยังทำให้เกิดการสะสมของน้ำตามส่วนต่าง ๆ ทำให้เกิดภาวะบวมน้ำ แล้วยังทำให้เกิดเลือดแข็งตัวได้ง่ายหากมีระดับเกลือแร่ในเลือดสูงเกินไป อันจะนำไปสู่ภาวะไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดในสมองตีบตัน หัวใจวาย ไตวายได้ มีผลการวิจัยพบว่า การกินเกลือแกงมากกว่า หกกรัมหรือ 1 ช้อนชาต่อวัน จะทำให้มีความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงได้ รวมไปถึงมีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคดังกล่าว เราจึงควรทานอาหารที่มีโซเดียมน้อย ๆ และเค็มน้อย

หน้า 5 ทั้งหมด 7 หน้า1234567